การสวดมนต์มากไปก็ไม่ดีนะครับ  ยกเว้นมีสติกำกับและรู้ความหมายที่สวดด้วย
สวดบทพุทธคุณ เป็นบทที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนะครับ
สวดที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ไปสวดที่วัดพร้อมๆ กับคนอื่น มันก็จะได้รับพลังงานรอบๆ ตัวด้วยครับ

เริ่มต้นด้วยสวดทำวัตรเย็นก็ได้  หากจะแนะนำบทสวดพื้นฐาน ผมแนะนำบททำวัตรเช้าเย็นนะ
แล้วก็สวดพุทธคุณไปหลายๆ จบ

จริงๆ การสวดมนต์ก็คือการท่องบ่นพระธรรม จนจดจำและนำไปใช้
และจิตก็จะอยู่กับของสูง อยู่กับมงคลอันประเสริฐของพระรัตนตรัย
(แต่คนสมัยนี้ กลับชอบไปบูชาเทพแฮะ)

สวดมนต์สักพัก แล้วก็นั่งสมาธิ เดินจงกรม ฟังธรรมะ อย่างละพอดีๆ  เท่าที่เราไหวนะครับ อย่าฝืน อย่าบังคับตัวเองเกินไป
การเดินจงกรม สำหรับผม รู้สึกดีกว่าสวดมนต์นะ  เพราะระหว่างเดิน เราก็ท่องพุทโธไปด้วยได้
แล้วเกิดสติ เกิดสมาธิ  ร่างกายไม่ง่วง เบาสบาย

และมีอนิสงส์เป็นสิบข้อ ที่เกิดจากการเดินจงกรม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงอธิบายไว้
แม้พระพุทธเจ้า ท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ยังทรงเดินจงกรมเป็นประจำนะครับ
ครูบาอาจารย์ที่เราเคารพกราบไหว้ ท่านก็เดินจงกรมเป็นงานหลัก มากกว่าการสวดมนต์
ซึ่งจะสวดแค่พอเป็นพิธี หรือเป็นตามกิจเช่น ทำวัตรประจำวันแค่นั้น
นอกนั้นท่านจะใช้หลักการภาวนา  เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปฏิบัติในแต่ละวัน

ลองโหลด บทอุปปาตะสันติไปฟังหรือยังครับ ลองฟังเกี่ยวกับการสวดมนต์ก่อน
แล้วสวดอุปปาตะสันติ เพิ่มเข้าไปก็ได้

โดยเน้นสวดถวายให้ หลวงตาพระมหาบัว (ซึ่งกำลังอาพาธ)
สวดให้สมเด็จพระสังฆราช  ถวายในหลวง และให้พ่อแม่ กับคนรักของเรา
การสวดมนต์โดยตั้งเป้าสวดให้คนอื่น จะมีอนิสงส์กลับมามากกว่าสวดให้ตัวเองนะครับ

ขออนุโมทนา คนจำนวนน้อย ที่ใฝ่กุศลในวันปีใหม่ครับ

ผมเห็นเมืองไทยแล้วสลดใจ  ภาครัฐ กลับสนับสนุน ให้วัยรุ่นออกมามัวเมา
ปิดถนนราชประสงค์เพื่อให้ วัยรุ่นมากินเบียร์สด นับถอยหลังสู่ความหายนะ แล้วคิดว่านี่คือการฉลองปีใหม่

แทนที่จะรณรงค์ จัดงาน เน้นให้คนหันไปทำบุญข้ามปี สวดมนต์ข้ามปี
ชักชวนดารานักร้อง ไปถือศีลเป็นตัวอย่าง ให้เด็กมันทำตาม

นี่ปิดถนน จัดคอนเสริต์ เปิดขายเบียร์สด  แล้วเด็กวัยรุ่นก็ไปรวมตัวกัน
เลิกงานเสร็จ ก็ไปเมาต่อ ไปเสียตัวกัน ฯลฯ

นี่หรือเมืองพุทธ 


หากจะปิดถนนจัดงานมีดนตรี
น่าจะเปิดเวที ให้กับเยาวชน ที่ไม่เคยมีผลงาน ให้เด็กๆ มันได้แสดงออก มีเวทีได้แสดงออก
มีอาหารสี่ภาค สินค้าโอทอปมาวางจำหน่าย เพื่อช่วยให้คนจนมีรายได้มากขึ้น
เพราะคนแห่มาเป็นแสน รับรองขายดีมากๆ   แล้วเท่ากับให้วัยรุ่นได้รู้จักสินค้าพื้นเมือง อาหารท้องถิ่นอื่น ได้อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยด้วย

งานปีใหม่ น่าจะให้ชมรมธรรมะ มูลนิธิต่างๆ มาเปิดบูธ แล้วเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของแต่ละมูลนิธิ
เพื่อให้วัยรุ่นได้รู้ได้เห็น ได้มีส่วนเข้าไปสนับสนุน ช่วยเหลือ 

ทุกอย่างมันสามารถทำควบคู่ไปกับกระแสของโลกได้เสมอ
หากเราจะคิดทำให้เยาวชนเป็นคนดี มีคุณธรรมจริงๆ

นี่อะไร  บ่นๆ กันเข้าไป  แต่พอถึงปีใหม่ ถึงเทศกาลอะไรที
ภาครัฐเอง ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อสังคม มีแต่ทำเพื่อนักธุรกิจ
จัดกิจกรรมอะไรมา มันไร้สาระสิ้นดี โดยเฉพาะวันปีใหม่

วันปกติก็เหมือนกัน  เคยไหม เวลาที่เบื่อๆ อยากออกไปเที่ยว ไปอะไรบ้าง
แต่ก็พบว่า มีแต่ร้านเหล้าให้เที่ยวในเวลากลางคืน
สถานที่เที่ยวที่ปราศจากแอลกอฮอล์แทบไม่มีเลย

คือสังคมมันเปลี่ยนไปนะ คนนอนดึก และหลายคนก็ไม่ว่างในกลางวัน
แล้วคนนะ ไม่ใช่พระ จะได้เก็บตัวสมถะอยู่แต่ในบ้าน
ยิ่งวัยรุ่นด้วยแล้ว มันก็อยากมีเพื่อนฝูง อยากเจอผู้คน อยากสังสรรค์

แต่พอออกมาเดินเล่นหรือเที่ยว มันก็มีแต่ร้านเหล้า
วัยรุ่นจำนวนหนึ่งเลย ที่ไม่อยากกินเหล้า
แต่ในเมื่อไปเที่ยวแล้วมันมีแต่ร้านเหล้า 
สุดท้ายมันก็ต้องกิน แล้วก็เป็นปัญหาอื่นๆ ตามมา ทั้งเสพยา เสียตัว มั่วกาม

อย่าบอกว่าให้อยู่บ้านซิ  ..โถ.. เข้าใจโลกมั่งซิครับ
มันเหมือนจะห้ามเด็ก 5 ขวบ ไม่ให้ซน ไม่ให้ถาม
มันเป็นธรรมชาติของแต่ละวัย ที่ต้องการอะไรไม่เหมือนกัน

วัยรุ่นมันไม่มีหรอก ที่อยากอยู่บ้าน  มันออกไม่ได้ มันก็มาขลุกอยู่ในเน็ต
หาคู่ โชว์ผ่านกล้อง และก็ทำอะไรเสื่อมเสียอื่นๆ ได้เหมือนกัน
และสุดท้าย มันก็ต้องหนีออกไปเที่ยวอยู่ดี

ธรรมะมันไม่ใช่ แค่ว่า ต้องตัดขาด สมถะ ปล่อยวางทุกอย่าง
แต่มันคือความเป็นจริง ของสิ่งทั้งปวง ที่ต้องยอมรับในแต่ละสภาพด้วยว่า
ในการนำไปปฏิบัติจริงมันมีระดับที่เหมาะสมแตกต่างกันอยู่

คนติดยา มันไม่ใช่จะหักดิบถึงเลิกได้
หลายคนมันต้องค่อยๆ ลดขนาดยา และให้สิ่งทดแทน

เฮ่อ. บ่นไปก็เท่านั้น  หากผู้บริหารบ้านเมือง เข้าใจได้เหมือนผมก็คงดี
ปัญหาวัยรุ่นในสังคมมันน่าจะไม่เกิดขนาดนี้ หากเราเข้าใจจริงๆ