ในหลวงไม่ได้รวยที่สุดในโลก โดย กระทรวงการต่างประเทศ
(ช่วยกันแชร์ ช่วยปริ้นแจก เพราะคนเข้าใจผิดเยอะมากครับ)

ตามที่นิตยสาร Forbes ได้เผยแพร่บทความพิเศษเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประจำปี พ.ศ. 2551 และได้จัดให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในลำดับแรก ของพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดนั้น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ชี้แจงว่า บทความดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากว่า ทรัพย์สินที่บทความนำมาประเมินนั้น ในความเป็นจริง มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่เป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกันกับพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่น ที่บทความเดียวกันนี้ไม่ได้จัดอันดับฐานะความร่ำรวย เพราะทรัพย์สินต่างๆ ไม่ใช่ของกษัตริย์ หากแต่เป็นของคนทั้งชาติ

สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ที่ดิน” ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่วนใหญ่หน่วยงานราชการ องค์กรสาธารณะกุศลเป็นผู้ใช้ประโยชน์ และจัดให้ประชาชน ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย รวมทั้งชุมชนอีกกว่าหนึ่งร้อยแห่ง เช่าในอัตราที่ต่ำ มีเพียงส่วนน้อยประมาณร้อยละ 7 ของที่ดิน ที่จัดให้เอกชนเช่าและจัดเก็บในอัตราเชิงพาณิชย์

กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนเพิ่มเติมว่า บทความพิเศษดังกล่าวยังได้พาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเกี่ยว ข้องกับการปฏิวัติ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งไม่ถูกต้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติดังกล่าวแต่อย่างใด การที่ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเพียงหน้าที่ขององค์พระมหากษัตริย์ ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของประเทศ ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ที่มา : http://www.mfa.go.th/web/200.php?id=20551

สรุปคือ ทรัพย์สินที่นำมาอ้างเป็นของแผ่นดิน หุ้นในไทยพาณิชญ์ และ ปูนซีเมนซ์ เป็นของสำนักงานทรัพย์สินฯ สำนักงานทรัพย์สินบริหารงานโดยมีหลักเพื่อประโยชน์ของสังคม มีทั้งในรูปมูลนิธิและโครงการมากมาย และท่านทรงเป็นประมุขที่เป็นศูนย์รวมใจของประเทศ ไม่ได้ทรงมีบทบาทในการแต่งตั้งทางการเมือง ทรงลงพระปรมาภิไธยตามหน้าที่ที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ทรงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำทางการเมืองของกลุ่มบุคคลใดทั้งสิ้น ยกเว้นมีรับสั่งเสนอแนะให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ให้กับคณะบริหารต่างๆ ที่เป็นสิ่งที่ประมุขของทุกประเทศต้องทำหรือสมควรทำ อยู่ที่ใครจะเลือกไปปฏิบัติได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีทั้งที่ทำและไม่ทำตามพระราชดำรัส

การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจที่นับแต่คณะราษฎร์ได้ยึดการปกครองมา พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่ได้ทรงมีพระราชอำนาจในด้านการเมืองอีกเลย คงแค่ตำแหน่งพระประมุขของประเทศเท่านั้น โครงการพระราชดำริต่างๆ ก็ทรงจัดทำด้วยพระองค์เอง เพราะรักและเป็นห่วงประชาชน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่มีหน้าที่โดยตรง ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ จะเสพสุขอย่างเดียวเหมือนราชวงศ์ในต่างประเทศก็ไม่ผิดอะไร แต่ท่านกลับมีพระราชดำริจัดทำโครงการมากมายที่ส่งผลดีต่อประชาชนจนเป็นที่ ยอมรับไปทั่วโลก ดังนั้นวิงวอนให้ทุกท่านอย่าดึงท่านลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ให้ทะเลาะกันเองเฉพาะนักการเมืองด้วยกันเองก็พอ

หากไม่เชื่อข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ได้ ก็ให้รับรู้ไว้เถอะว่า พระอริยะหลายท่าน ผู้ปฏิบัติธรรมหลายคน ต่างชื่นชมและสรรเสริญพระองค์ท่านทั้งหมด ทั้ง หลวงปู่แหวน สมเด็จพระสังฆราช หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย และอีกมากมาย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ลองศึกษาปฏิบัติธรรมให้จริงจังแล้วจะทราบเองว่า ทำไมพระอริยะถึงได้ชื่นชมในหลวงพระองค์นี้อย่างมาก

แถมด้วยดาวน์โหลดฟรีเสียงอ่าน ตามรอยพระยุคคลบาท
http://www.jozho.net/index.php?mo=3&art=575567