|
พระครุพิพัฒน์วรกิตต์ เจ้าอาวาสวัดเขาตะเกียบ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขอให้ท่านทั้งหลายฟัง ใน ฐานะที่พระบรมศาสดาสัมมาพุทธเจ้า
ของเราทั้งหลายได้เคยตรัสไว้แต่เป็นที่น่า เสียใจ คัมภีร์ฉบับนั้น ถูกฉีกทิ้งหายไป มีในมหายาน แต่ในหินยานหาย แล้วพอเรามาเป็นเถรวาทยิ่งไม่มีเลย ในศีลห้า
เราเริ่มต้นที่ ศีลข้อที่ 1 ปาณาติบาต
การ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า สอนเราให้ไม่ฆ่าสัตว์ แต่พระพุทธเจ้าของเราบังเอิญไม่ใช่ฮิตเลอร์ ไม่ใช่จอมพลสฤษดิ์ จึงไม่สั่งห้ามทุกคนกินเนื้อสัตว์ด้วย มีปัญหาถามอยู่เรื่อยว่า คนที่กินเนื้อสัตว์กับคนฆ่าสัตว์ ใครบาปมากกว่ากัน? ก็ บอกว่าบาปทั้งคู่ บาปเท่ากัน ผู้บริโภคก็บาป ผู้ฆ่าก็บาป ผู้ขายก็บาป มันเป็นวงจร แต่บางคนแย้งว่า สมัยหนึ่งพระเทวทัตทูลขอพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอให้บรรดาสาวกของพระองค์ทั้ง หลายนั้นงดเว้นจากการบริโภคเนื้อสัตว์
พระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาต เขาจึงจับประเด็นนี้เอาพูดกัน ตรงนี้ถ้าจะพูดถึงความถูกผิด คงเถียงกันไม่จบแต่เน้นว่าสัตว์ก็มีหัวใจ น้ำตาไหล บางตัวร้องด้วยเสียงแห่งความหวาดกลัว บางตัวอุจจาระราดเพราะเขารักชีวิตเหมือนเรารักชีวิตของเรา แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้มันร้องสุดขีด มันดิ้นหนีเอาชีวิตรอด จนบางครั้งหายไปสองอาทิตย์ มนุษย์ซึ่งมีใจเป็นยักษ์ตามจับมาจนได้ไม่มีใครไปซื้อหาชีวิตมัน ก่อนตายมันร้องไห้ คงคิดถึงสามีภรรยา บุตร หรือญาติเหมือนกับมนุษย์ สัตว์ก็มีหัวใจ แต่ขณะที่เราบริโภคอาหาร เราบริโภคด้วยกิเลส เราไม่ได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้
เรารักสนุกกับทุกข์สาหัส นี่เราจะเลือกอย่างไร?
การบริโภคเป็นของสนุก แต่ชีวิตของคนอื่นเป็นทุกข์แสนสาหัส น่า สังเวชใจเหลือเกินที่ชั่วชีวิตของคนเราตั้งแต่เล็กจนโต กระทั่งแก่
จนถึงตายในที่สุด ไม่เคยพ้นจากการฆ่าถ้าสัตว์เดรัจฉานพูดได้
คงบอกว่ามนุษย์คือยักษ์ เริ่มแรกคลอดออกมาจากครรภ์มารดา ก็เลี้ยงฉลองด้วยการฆ่าชีวิตเพียงไม่นานครบเดือนก็ฆ่าเลี้ยงกันอีก ครบขวบก็ฆ่ากันอีก จนกระทั่งอายุครบบวชก็ฆ่ากันอีก ฉลองบุญก็ฆ่า เจริญเติบโตก็ฆ่า แต่งงานก็ฆ่า วันเกิดก็ฆ่า ทำบุญก็ฆ่า เราคุ้ยเคยอยู่กับการฆ่าตลอด เราฆ่ามาไม่รู้กี่พันกี่หมื่นชีวิตในชั่วชีวิตของคนคนหนึ่ง เราทำตัวเป็นป่าช้าเดินได้ คน ตายแล้วต้องเอาไปฝังไปเผาในป่าข้า แต่เนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ถูกฆ่าตาย ทั้งเนื้อและกระดูกที่ถูกตัดเป็นชิ้น คนแย่งกันกินลงท้อง เ ข้าไปอยู่ในตัวเราเอง คนกินเนื้อสัตว์อุปมาเหมือนป่าช้าเคลื่อนที่ สามารถฝังซากศพของสัตว์ตายโหง อย่างไม่รู้จักเต็ม โดยจะฝัง
อยู่ในตัวเราตลอดเวลา คนส่วนใหญ่ถ้าให้เดินในป่าช้าตอนเที่ยงคืน ครึ่งรอบ ขนจะลุกเกลียวกลัวผี แต่หารู้ไม่ว่าในตัวเรามีสัตว์เดรัจฉานไม่รู้กี่แสนตัว
ฝังในท้องเราตั้งแต่ เกิดท่านไม่กลัวบ้างหรือ คนมีวิญญาณ สัตว์ก็มีวิญญาณเหมือนกัน จะแตกต่างกันก็เฉพาะสังขาร รูปกายภายนอกเท่านั้นคนกลัวภูตผีปีศาจ กลัวซากศพ แล้ว ทำไมไม่กลัวเนื้อสัตว์สัตว์ก็มีวิญญาณเหมือนคน มีขันธ์ห้าเหมือนคน
ทำไมเรากลัววิญญาณคน แต่ไม่กลัววิญญาณสัตว์
จึงอยากจะชี้ให้เห็นว่า เราสะสมบาปเวรไว้จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเรา ถ้า หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ เราอาจช่วยชีวิตสัตว์เป็นพันๆ ตัวต่อชีวิตของเรา ยิ่งน่าสงสารที่บางคนเจ็บป่วยเจียนจะตาย เรียกร้องอยากจะมีชีวิต แต่กลับไปฆ่าสัตว์เพื่อไปเซ่นไหว้ วิงวอนต่อเทพเจ้าเพื่อขอชีวิตตัวเอง เรา จะเห็นว่าเป็นเรื่องน่าฉงน ที่บางคนต้องมาตายในงานวันเกิดตัวเอง บางบ้านมีลูกมาก็กลายเป็นสาปแช่งให้ลูกฉิบหายตายเร็ว
บางชีวิตมีอำนาจวาสนาอยู่ดีๆ ก็ต้องถูกฆ่า บางคนทำไมอายุสั้น
บาคนตายอายุยังน้อย บางคนกำลังประสบความสำเร็จ กำลังจะดัง ตายซะแล้ว ยังไม่ทันแก่เลย เพราะชาติที่แล้วเขาบกพร่องในศีลข้อที่ 1 เขาสร้างปาณาติบาตมาก ชาตินี้เขาเลยมีอายุสั้น นี่คือผลจากกรรม กฎแห่งกรรมนั้นใครหนีไม่พ้น คนที่ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทำเรื่องเลวร้าย สร้างสมบาปเวรไว้มาก ทุบตี ทรมาน ทั้งกิน ทั้งฆ่า เป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายถูกฆ่า เมื่อตายไปจิตวิญญาณก็ตกร่วงลงสู่นรกภูมิ เมื่อพูดถึงอาหารมังสวิรัติ คน ส่วนใหญ่จะกังวลถึงเรื่องสารอาหารไปต่างๆ
นานา กลัวว่าร่างกายไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอและทำให้อ่อนแอ
แม้ว่าปัจจุบันทรรศนคตินี้ยังคงมีอยู่ในความคิดของคนส่วนใหญ่ที่ยังปิดกั้น
ตนเองอยู่ก็ตาม แต่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้ให้การรับรองยืนยันแล้วว่า .... เป็นทรรศนคติที่ผิด พระครุพิพัฒน์วรกิตต์ เจ้าอาวาสวัดเขาตะเกียบ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
|
|
|
|
|
ตีแผ่เรื่องจริง เบื้องหลังธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์
ปลาจำนวนหลายล้านตัว ไม่ได้ดำรงอยู่ในระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ ดังนั้นโครงสร้างผิวหนังของมันจึงอ่อนแอเพราะถูกลี้ยงมาอย่