ปัญหาชาวนา คือสินค้าที่จำเป็นและคนต้องการสูง แต่คนผลิตดัน "จน" รายได้ส่วนใหญ่ไปตกกับนายทุน โรงสี พ่อค้าข้าว โรงงานปุ๋ยยาฆ่าแมลง ฯลฯ เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลรู้ดี แต่ครั้นผลัดกันขึ้นครองอำนาจแต่ก็ไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด ท่ามกลางความไม่สงสัยของคนส่วนใหญ่ว่า..ทำไม?? เพราะเราทุกคนรู้ดีว่า บ้านเราถนัดแต่แก้ปัญหาปลายเหตุ หรือทำทุกอย่างเพื่อนายทุนเป็นสำคัญ!!
------------------------------------------
ชาวนามากมายที่ทำแล้วรวย ด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรไร้สารเคมี ที่ทำให้เห็นว่า หนี้หลายล้านปลดได้ภายในไม่กี่ปี ขนาดมีที่ดินแค่ 10 ไร่ สิ่งเหล่านี้ทำไมเราไม่กระตุ้นให้ชาวนาไทยทำเป็นตัวอย่าง เราต้องตามเอาเงินมาโปะหรือมาอุ้มชาวนากันไปตลอดชีวิตหรือ?? การช่วยมันเป็นสิ่งที่ดี แต่การโปะเงินลงไปมันเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุที่ต้องทำแบบไม่จบสิ้น
------------------------------------------
ผมเองเคยคิดมาหลายปีก่อนนานแล้วว่า อยากหาเงินสักก้อนใหญ่ๆ ถ้ารวยเมื่อไหร่ ผมจะทำวีซีดีแลเอกสารแบบสั้นๆ เข้าใจง่าย แจกชาวนาทั่วประเทศ และจัดหน่วยอาสาลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้ และร่วมประคองให้เขาทำจนสำเร็จในหนึ่งฤดู เพื่อให้เขามีกำลังใจ ว่าเกษตรปลอดสารมันทำได้จริง และได้กำไรมากกว่า และต้นทุนน้อยกว่า และไม่ต้องสร้างบาปกรรมทำร้ายคนทั้งประเทศด้วยการอัดยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมี ที่สุดท้ายก็มาทำคนไทยป่วยเป็นมะเร็งและภูมิแพ้กันอย่างมโหฬารขนาดนี้
------------------------------------------
หากผมเป็นรัฐบาล ผมจะทำแบบนี้ ช่วยประคองให้เขาทำเกษตรปลอดเคมีในช่วงแรก และประกันราคาให้ว่า ถ้าทำแล้วขาดทุน รัฐจะจ่ายเพิ่มให้เอง เราจะลดการนำเข้าปุ๋ยและสารเคมีอันตราย และช่วยสุขภาพคนทั้งประเทศ เงินค่ารักษาพยาบาลมหาศาลก็จะเหลือไปทำอย่างอื่นได้อีกมาก ส่งผลต่อเป็นลูกโซ่
------------------------------------------
รัฐบาลก่อนผมยังจำได้ ถ้าจำไม่ผิดนะ เอาเงินหลายพันล้านเพื่ออุ้มราคาปุ๋ย ผมถามว่า ชาวนาได้ประโยชน์หรือนายทุนเจ้าของปุ๋ยได้เต็มๆ เงินก้อนนี้มากพอที่จะเอาไปสร้างโรงงานปุ๋ยชีวภาพแล้วแจกฟรีให้ทั้งประเทศอย่างสบายเลยครับ สิ่งที่จะเอามาทำก็เอามาจากขยะที่เก็บได้ในแต่ละวัน ซึ่งมหาศาลมากๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แทนที่จะเอาไปเข้าโรงเผาขยะเปลืองพลังงานอีก คือในฐานะรัฐ มีอะไรอยู่ในมือเยอะ มันทำอะไรได้ง่ายมาก โดยที่แทบไม่มีของเหลือทิ้งเลย และเกิดประโยชน์มากด้วย
------------------------------------------
แค่เปลี่ยนเป็นเกษตรไร้เคมี และปลูกสิ่งที่จำเป็นไว้กิน เลี้ยงไก่ไว้กินไข่ สิ่งง่ายๆ ที่หลายคนมองข้าม แล้วหลายคนก็ทำให้เห็นแล้วว่ามันได้ผล ทำไมแทบไม่มีรัฐบาลไหน ส่งเสริมจริงจังซะที(ย้ำว่าแบบจริงจัง) สิ่งที่ทำได้คือลดต้นทุน ลดรายจ่ายให้ตัวเอง พึ่งพาตัวเองก่อน ไม่ใช่มีเท่าไหร่ โหมทำเกษตรเชิงเดี่ยวจนหมดตัว แล้วพอเกิดอะไรขึ้นมา ก็กลายเป็นปัญหาแก้ไขได้ยาก สุดท้ายก็ต้องมาปิดถนน ก่อกรรม สร้างเวรให้ตัวเองอีก หลายคนเดือดร้อนไปธุระไม่ทัน ส่งของไม่ได้เสียหายกันเป็นล้านก็มี กรรมนั้นตกที่ใคร ก็ตกที่ชาวนาอีก เราเดือดร้อนแล้ว ต้องให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย แต่ก็ต้องยอมรับผลกรรมด้วยนะครับ (ทางที่ดีถ้าจำเป็นต้องทำ ยกไปล้อมศาลากลางอะไรจะดีกว่าปิดถนนนะ)
------------------------------------------
บางทีปัญหามันก็แก้ง่ายๆ แต่เหมือนจะแก้ได้ยาก ก็อย่างที่เคยบอกไว้หละครับ ว่าระบบการเมืองไทย มันอยู่ได้ด้วยนายทุนพรรค ซึ่งเป็นนักธุรกิจและมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง โรงสีก็คือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ที่เป็นหัวคะแนนให้แต่ละพรรค ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าชาวนาไม่ช่วยตัวเองด้วยการทำเกษตรไร้เคมี และวิถีพอเพียง ก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้ไปตลอด
------------------------------------------
ยังไม่นับกับที่ชาวนาอีกจำนวนมาก ยากจนเพราะเอาเงินไปส่ง"แรด" เอ้ย.. ส่งลูกเรียนหนังสือ ส่งไปเรียนแพงๆ ส่งไปเรียนในกรุงเทพฯ ค่าหอ ค่านู้นนั่นนี่ สารพัด แล้วไม่เคยตรวจสอบว่าลูกเรียนจริง ซื้อมอไซต์ให้ลูก ลูกติดเกม ติดผู้ชาย ติดเที่ยว แล้วก็หลอกพ่อแม่ว่าต้องเอาเงินไปทำกิจกรรม อยู่หอกับผัว ท้องแล้วแท้งอีกไม่รู้กี่รอบ พ่อแม่ก็คิดว่าลูกเป็นเด็กดี ยอมเป็นหนี้หลายแสนกว่าลูกจะจบปริญญา จบออกมาทำงานเงินเดือนหมื่นห้า (และส่วนใหญ่ตกงาน แถมมารยาททรามอีกต่างหาก ) กว่าจะปลดหนี้ได้จนพ่อแม่แก่ตายสงสัยจะไม่ทันได้เห็น ถ้าเขียนต่อไปคาดว่าปัญหามันจะยาวมาเป็นพรวน ก็ต้องแก้ทีละเปราะ
------------------------------------------
บทความนี้ไม่ได้หวังอะไรกับสังคม เพราะรู้ว่าแก้ไม่ได้ แต่หวังว่า จะมีลูกหลานชาวนาไทยบางคน ที่อ่านแล้วช่วยกันกลับไปบอกญาติพี่น้องตัวเองว่า เลิกรอคอยการช่วยเหลือจากภาครัฐหรือคนอื่นเป็นหลัก แล้วหันกลับมาช่วยตัวเอง ด้วยการหาแนวทางแก้ปัญหาแบบยั่งยืนควบคู่ไปจะดีกว่า และหยุดทำกรรมที่จะย้อนมาทำร้ายตัวเอง ด้วยการปิดถนนเส้นทางขนส่ง ที่ถ้ามองเห็นกรรมกันจริง จะรู้ว่า มันน่ากลัวกว่าที่คิดมากครับ ทุกวันนี้ก็ยากจนลำบากมากพอแล้ว ถ้ายิ่งทำกรรมเพิ่มต่อไป ก็จะยิ่งลำบากต่อในชาติหน้า
------------------------------------------
ปัญหามีไว้แก้ แต่ต้องพิจารณาแก้ที่ตัวเองพร้อมกันกับการเรียกร้องสิทธิที่พึงมีด้วยครับ เรียกขอเงินจำนำข้าวถ้าได้แล้ว กลับไปต้องกลับไปคิดว่า จะทำอย่างไรดี ที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นมาอุ้มแบบนี้ไปตลอดอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่รอภาครัฐให้ทำอยู่ฝ่ายเดียว หรือไม่ใช่รอให้ชาวนาคิดเองครับ คนจนเขาคิดแค่ว่าพรุ่งนี้จะมีข้าวกินไหม?? ไม่มีเวลามาคิดวางแผนระยะยาวหรอกสงสารชาวนา ก็อย่าเอาแต่สงสาร มันต้องช่วยกันคิด ช่วยกันลงมือทำด้วยครับ
ทุกอย่างที่กล้าพูดนี่ก็เพราะ
ผมเป็นลูกหลานชาวนาโดยตรงครับ ^^
------------------------------------------
แถมท้ายอีกนิดครับ คิดง่ายๆ ว่าถ้าเราบอกว่า ใครปลูกข้าวไร้สารเคมี รัฐจะมีเงินอุดหนุนให้พิเศษอีกเกวียนละ ***** บาท จะเกิดอะไรขึ้น สุขภาพพวกเราจะดีแค่ไหน แล้วข้าวไร้สารนี่ต่างชาติเขาให้ราคาแพงมากครับ แล้วแข่งกับข้าวประเทศอื่นสบาย วิธีแข่งในการค้า มันต้องเน้นที่ผลผลิตที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ ต่างชาติเขาชอบข้าวปลอดสาร แต่เราก็ขยันทำข้าวอุดมสารเคมีไปขายจัง ผมกินข้าวแพงไม่ว่านะ ถ้าเงินถึงชาวนา แต่นี่ทุกวันนี้ เรากินข้าวแพงที่เต็มไปด้วยสารพิษไม่พอ เงินส่วนใหญ่ แม้แต่ในโครงการจำนำข้าวก็ตาม เหมือนว่ามันจะตำไปหานายทุนซะมากกว่านะครับ ทำแบบนี้ เอาเงินแจกชาวนาแต่ละครอบครัวไปเลยดีกว่า หรือให้ปุ๋ยฟรี ค่าน้ำไฟฟรี ดอกเบี้ยไม่มี หรือเอาให้ชาวนากู้ไปเลยดีกว่า (มั้ง)