" พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน "
แปลโดย อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ
เพลย์ลิสต์ กดเลือกฟังไฟล์ย่อยได้ที่มุมบนซ้าย (ใกล้ตัวเลข)
(กดแต่ละรูปเพื่อเข้าฟัง/ดาวน์โหลด)
:ทำความเข้าใจก่อนอ่านหรือฟังพระไตรปิฎก
:สืบเนื่องจากโครงการจัดทำเสียงอ่านพระไตรปิฏก
.
บทเกริ่นนำ เพื่อปูทางให้กับคนรุ่นใหม่ ก่อนฟังหรืออ่านพระไตรปิฎก เรียบเรียงด้วยเห็นว่าจำเป็นมากต่อการจะฟังให้เข้าใจและถูกทางจริง จะอัดเสียงแนะนำไว้แทรกแรกในซีดีที่จะทำแจกนะครับ และจะเริ่มอัดพระไตรปิฎก ฉบับประชาชนก่อน เพราะเหมาะกับคนทุกวันในการฟังเริ่มต้นที่ดีมาก ซึ่งคุณดังตฤณก็แนะนำฉบับนี้ไว้ให้ทุกคนได้ศึกษา บทเกริ่นนำยาวพอสมควร แต่จำเป็นมากสำหรับทุกคนเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในคัมภีร์สูงสุด และป้องกันการผิดพลาดสำหรับคนที่ท่องจำได้ครบ แต่ยังไม่ผ่านจุดสำคัญที่จำเป็นเพื่อการันตีว่าเราถูกต้องจริง เพราะปัจจุบันมีการอ้างพระไตรปิฎก อ้างพุทธพจน์ ในทางที่ผิด ตีความผิด และใช้ข่มขวัญ ยกขึ้นมาข่มผู้อื่นกันจำนวนมาก
.
โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า หากเข้าใจแก่นสำคัญ และปฏิบัติถึงจุดหนึ่งก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าใจพระไตรปิฎกได้จริง และนำไปอ้างได้ถูกทาง ถูกธรรม ไม่เป็นกรรมหนักที่บิดเบือดพระศาสนาได้อย่างหน้าระรื่น โดยคิดว่าตัวเองทรงธรรม เป็นผู้รู้ และถูกต้องอยู่คนเดียว ทั้งชีวิตเห็นคนอ้างพระไตรปิฎกกันจริงจัง แต่ดำเนินจิตและชีวิตผิดทางอย่างมาก เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงของสังคมมาก เพราะธรรมะไม่เหมือนวิชาทางโลก 1+1 อาจไม่ได้เท่ากับ 2 เสมอไป มีนัยยะแฝง และต้องอาศัยภูมิธรรม จิตที่มีคุณภาพพอจะเข้าใจและตีความได้ถูกต้องด้วย เพื่อประโยชน์ของทุกท่านที่สนใจจะศึกษาพระไตรปิฎก โปรดสละเวลาอ่านข้อความยาว ๆ ตรงนี้ก่อนด้วยนะครับ หรือรอฟังทีเดียวจากเสียงอ่านเลยก็ได้ครับ
-----------
เสียงอ่าน พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน เขียนโดย อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ หากนับถือศาสนาพุทธ ควรฟังหรืออ่านพระไตรปิฎกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง สำหรับฉบับนี้ เป็นการย่อ-สรุปใจความสำคัญ เพื่อความเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ถูกต้องตรงทาง เหมาะสำหรับฟังเบื้องต้น ก่อนฟังหรืออ่านฉบับเต็มอีกที หลักธรรมที่ถูกต้องสำคัญมากเพื่อการปฏิบัติที่ถูกทางในขั้นต่อไป จัดทำเพื่อเผยแพร่แจกฟรีในนาม ชมรมผลดี เสียงอ่านโดย.. โจโฉ อนุโมทนาทุกท่านที่ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดทำ เชิญร่วมเผยแพร่ส่งต่อในทุกช่องทางได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ขอทุกท่านสุขภาพแข็งแรง เจริญรุ่งเรืองในทางที่เป็นกุศลยิ่งขึ้นไป สัพพะธานัง ธรรมะทานังชินาติ การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง ปัญญาสำคัญที่สุดทั้งทางโลกและทางธรรม เมื่อมีปัญญา จะประสบความสำเร็จ เป็นสุขได้จริง บุญให้เกิดปัญญาสูงสุด คือ.. ให้ธรรมบริสุทธิ์แท้ และไม่มีอะไรประเสริฐเท่า.. "พระไตรปิฎก"
กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า หากผู้อ่าน อ่านผิดหรือไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะคำนศัพท์เฉพาะที่ไม่สามารถหาคำอ่านที่ถูกต้องได้ ขอท่านผู้ฟังได้โปรดฟังเพื่อจับใจความเป็นหลักเท่านั้น อย่าเอาการอ่านออกเสียงที่ได้ยินเป็นมาตรฐานหรือคิดว่าถูกต้อง โปรดตรวจสอบกับท่านผู้รู้อีกครั้ง แก่นคือใจความสำคัญที่ควรสนใจ จับประเด็นให้เข้าใจ มากกว่าที่จะสนใจเปลือกคือคำศัพท์ที่ไม่คุ้นชิน หรืออาจออกเสียงผิดไปบ้าง จึงเรียนมาเพื่อทราบ และโปรดให้อภัยกับผู้จัดทำสื่อทุกชุดที่ผ่านมาด้วยนะครับ
--------------
แนะนำการฟังที่ดี ไม่ว่าจะเป็นธรรมะ หรือวิชาทางโลกก็ตาม ให้สักแต่ว่าฟังแล้วน้อมจิตพิจารณาแบบสบาย ๆ อย่าเคร่งเครียด อย่าตั้งใจเกินไป อย่าพยายามรู้ให้กระจ่างในทันที เพราะระดับจิตแต่ละคนไม่เท่ากัน โดยเฉพาะธรรมะ เป็นสิ่งที่ต้องมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ มีประสบการณ์ มีปัจจัยแวดล้อมอีกมากที่จะทำให้เข้าใจธรรมได้กระจ่างจริง (ยกเว้นคนที่สะสมบารมีมาหลายชาติ อาจเข้าใจได้ง่ายแม้อายุน้อย) คนทั่วไปอาจต้องใช้เวลา ฟังหลายรอบ หรือฟังแล้ว ย้อนกลับมาฟังใหม่ในอนาคต ซึ่งจะทำให้แปลกใจว่า.. สิ่งที่คิดว่าเข้าใจแล้ว กลับไม่เข้าใจจริง แล้วยิ่งฟังซ้ำ จะยิ่งเข้าใจในสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวหนังสือมากขึ้น เมื่อฟังแล้วอย่าพึ่งด่วนคิดว่าเข้าใจ หรือปักความเชื่อลงไปว่า ข้อความที่จดจำได้เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะยังมีความหมายปลีกย่อยซ่อนไว้อีกมาก ที่ต้องเข้าใจแก่นธรรมจริงก่อน ถึงจะเข้าใจได้ถูกต้องครบทุกประเด็น ทุกนัยยะ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนที่จดจำพระไตรปิฎกได้เก่ง รู้ไปหมด แต่กลับตีความหมายผิด เดินผิดลู่ทาง กลายเป็นสร้างกรรมหนัก ส่งผลเสียร้ายแรงให้กับตัวเองและพระศาสนาในที่สุด
--------------
หากยังไม่เข้าใจหลักปฏิจสมุปบาทดีพอ ไม่เห็นแจ้งว่าทุกสิ่งแม้แต่วัตถุ สภาพแวดล้อมทั้งหมดรอบตัวล้วนเกิดมาจากจิตหรือวิญญาณ วิญญาณในทางศาสนาคือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ สภาพรู้อารมณ์ หรือรู้แจ้งอารมณ์ มีความหมายเดียวกับคำว่า.."จิต" วิญญาณไม่ได้หมายถึงผีอย่างที่คนส่วนมากเข้าใจ มีพุทธพจน์ตรัสไว้ว่า.. "วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป" อาจแปลได้ว่า วิญญาณเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง ซึ่งทุกสรรพสิ่งทั่วจักรวาลสุดท้ายแยกเหลือได้แค่นามธรรม กับ รูปธรรม ในวัตถุทุกชนิดมีวิญญาณแฝง แต่เป็นวิญญาณคนละประเภทกับที่มีในมนุษย์และสัตว์ เป็นวิญญาณชนิดไม่มีใจครอง ซึ่งวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้นานแล้วถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในวัตถุทุกชนิด เป็นพลังที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งมีหน่วยพื้นฐานเป็นอะตอม มีการเคลื่อนไหวของอิเล็คตรอนอยู่ภายในตลอดเวลา ที่ต่อมาทางวิทยาศาสตร์ค้นพบลึกเข้าไปอีกและเรียกว่า.. อนุภาคพระเจ้า
--------------
ถ้าเข้าใจจะมองเห็นไม่ยากว่าแม้ศาสนาอื่นมีคำอธิบายเรื่องธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ได้แทบไม่ต่างกับหลักของพุทธ เพียงแต่ใช้คำเปรียบเทียบ หรือพูดให้เข้าใจเห็นภาพง่ายขึ้น เช่น.. พระเจ้าคือผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าสถิตย์อยู่รอบตัว ทำดีเพื่อกลับไปอยู่ในอ้อมกอดพระเจ้า ซึ่งใกล้เคียงกับการทำดีเว้นชั่ว ทำจิตผ่องใส ชำระจนจิตบริสุทธิ์ เพื่อเข้าสู่กระแสนิพพาน ที่ไม่สูญแต่ไม่มีตัวตน คือกลับไปรวมเป็นพลังงานเดิมแท้ที่ไม่มีตัวตนแต่ไม่ได้สูญหายไปไหน เป็นพลังงานพิเศษที่แทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่งทั่วจักรวาล บริสุทธิ์อยู่เหนือสุขและทุกข์ทั้งปวง : หัวข้อเรื่อง... "วิญญาณเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง" ถือเป็นหลักสำคัญที่จะทำให้เข้าใจกฎแห่งกรรม กฎของธรรมชาติต่าง ๆ ได้ลึกซึ้งดีพอ จนเข้าใจข้อความในคัมภีร์ได้ลึกซึ้งถูกต้องตรงทางได้จริง และทำให้เข้าใจหลักทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกต้องด้วยเช่นกัน ซึ่งวิทยาศาสตร์คือความจริง ธรรมะก็คือความจริงของสิ่งทั้งปวง
--------------
สำหรับการปฏิบัติธรรม หากยังไม่เคยฝึกเจริญสติ จนเกิดภาวะที่ผู้รู้ตื่น เห็นจิตกับกายนี้ทำงานเป็นต่างหากอย่างชัดเจน ก็อย่าพึ่งด่วนปักใจเชื่อในความรู้ความเข้าใจธรรมของตนที่มี เพราะว่ายังเดินมาไม่ถึงระดับจะเห็นความจริงเบื้องต้นได้นะครับ ต่อให้คิดว่าเข้าใจทฤษฎีจนแตกฉานแล้วก็ตาม เมื่อผู้รู้ตื่น จะได้เห็นธรรมชาติแท้ของจิตที่หลงคิดว่าเป็นตัวเรานี้ แท้จริงมีสภาวะไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน ไม่ใช่เรา บังคับไม่ได้ หรือที่เรียกว่าเห็นไตรลักษณ์ของจิต ต้องเป็นการเห็นสภาวะจริงจากประสบการณ์ตรงเท่านั้น สิ่งนี้คือต้นทางสายเอก สายตรงที่มุ่งไปสู่การบรรลุธรรม ไม่ว่าจะปฏิบัติธรรมรูปแบบใด ควรเข้าถึงสภาวะแบบนี้เป็นต้นทางด้วย ไม่ใช่แค่เป็นคนดีมีศีล ชอบทำบุญ ไม่ทำร้ายใคร จดจำคัมภีร์ได้แม่นยำ หรือแค่การบังคับจิตให้สงบแช่นิ่งได้ยาวนานที่สุด ซึ่งคนที่เข้าใจธรรมะด้วยสมองแต่ยังไม่ได้เข้าใจด้วยจิตหรือประสบการณ์ตรง รวมถึงกำลังสมาธิ+กิเลส โดยเฉพาะโมหะที่อาจมีซ่อนอยู่ อาจสร้างภาพหลอกให้หลงจนเพ้อ เชื่อในสิ่งพิศดารแปลกประหลาด ตีความธรรมะผิด เกิดมิจฉาทิฐิฝังแน่นได้มากเกินจะคาดเดา
--------------
ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่กล่าวมา หลักสำคัญทั้งสองข้อจำเป็นมาก ต่อการการันตีว่า เราเข้าใจธรรมะได้ลึกซึ้งถูกต้องตรงทางจริง ถ้าหากยังไม่ผ่านทั้งสองจุดนี้ อาจมีโอกาสหลงทาง เดินผิดทางได้ง่าย เป็นสิ่งที่อยากฝากเตือนสติท่านที่คิดว่าเข้าใจธรรมะดีแล้ว ได้พิจารณาตนว่าเข้าใจทฤษฎีเบื้องต้น และปฏฺบัติจนเกิดภาวะผู้รู้ตื่นกันได้จริงหรือยัง ถ้ายังก็อย่ามั่นใจว่าสิ่งที่ท่านรู้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด แม้จะท่องตัวหนังสือบาลีตามพระไตรปิฎกได้ถูกต้องทุกคำก็ตาม ธรรมะไม่เหมือนวิชาทางโลก จะเข้าใจจริงต้องมีคุณภาพจิตที่สูงสะอาดใสพอจะเข้าใจในทุกแง่มุมก่อนด้วย หากเข้าใจหลักเบื้องต้นก่อนแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น ไม่กลายเป็นมิจฉาทิฐิผ่านการท่องพุทธพจน์ อ้างคำพระพุทธเจ้า แต่อ้างผิดประเด็น ผิดนัยยะ เป็นกรรมหนักด้วยการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยไม่รู้ตัว
--------------
หลังเขียนบทความนี้ลงในเว็บไซต์ ปรากฎมีคนของขึ้น ส่งข้อมูลการกำเนิดโลกตามหลักวิทยาศาสตร์มาให้ บอกด้วยความหวังดี คือเขาต้องการค้านกับหลักที่อธิบายไปว่า วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป ผมก็เพลียหัวใจกับคนพวกนี้เหลือเกิน ถึงบอกไงครับว่า ตราบใดยังเจริญสติจนเกิดผู้รู้ เห็นจิตและกายทำงานต่างหาก เหมือนเรานั่งดูละครที่เป็นตัวเราเล่น แล้วแยกกันชัดเจน และยังไม่เข้าใจว่าทุกสิ่งเกิดจากวิญญาณได้จริง ก็อย่ามั่นใจในสิ่งที่ตนเองรู้ เพราะหลักวิทยาศาสตร์ที่เรียนกัน มันแค่หลักเบื้องต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริงในด้านรูปธรรม ที่เน้นการจับต้องสัมผัสได้จากประสาททั้งห้า ซึ่งในความจริงหลายอย่างมันจับต้องไม่ได้ แต่รู้ได้จากสัมผัสละเอียดทางใจเท่านั้น หลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง ซึ่งคงไปถึงได้ยาก ถ้าจะมัวพิสูจน์หลายสิ่งโดยใช้หลักพื้นฐานแค่การรับรู้จากประสาททั้งห้าที่เน้นในแง่ของนามธรรมเท่านั้น
--------------
โลกมีกำเนิดจากองค์ประกอบเคมีหรือจะมีขั้นตอนอย่างไรก็ตาม นั่นคือหลักทางวัตถุในเบื้องต้น แต่น้อยคนจะเข้าใจว่าทุกสิ่งเกิดจากวิญญาณอย่างไร เช่น.. เมื่อยังมีความอยากอาหาร อยากกิน จึงเกิดพลังเหนี่ยวนำให้เกิดร่างกาย มีระบบเพื่อกินอาหาร มีสภาพแวดล้อมเพื่อให้เกิดแหล่งอาหาร เมื่อยังมีความกลัวตาย มีความยึดมั่น มีความติดใจในกามคุณ จะมีพลังเหนี่ยวนำให้ต้องเกิดใหม่ไม่รู้จบ ให้มีร่างกายใหม่เพื่อตอบสนองความอยากในจิตต่อไป และเมื่อยังต้องเกิดก็ต้องมีภพภูมิมารองรับให้เหมาะสมกับน้ำหนักกรรม กระบวนการทางเคมีที่เกิดเป็นโลก เป็นต้นไม้ภูเขา คือขั้นตอนหนึ่งแห่งการกำเนิด แต่จุดที่กระตุ้นและเหนี่ยวนำให้เกิดโลกและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ล้วนมาจากวิบากในจิตที่สะสมไว้ หรือเกิดจากพลังแห่งวิญญาณ สมดังพุทธพจน์ที่ว่า... วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป หรือแม้แต่ในหลักของศาสนาอื่นว่า... พระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าแทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ถ้าเข้าใจจะรู้ว่า ทำไมถึงมีหลายภพภูมิ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับสภาวะจิตที่ต่างกันอย่างไร แม้แต่ดาวดวงอื่นที่พระไตรปิฎกยืนยันว่ามีมนุษย์อยู่จริง มีลักษณะและความประณีตต่างกันแค่ไหน โลกเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งในจักรวาลเท่านั้น ยังมีอีกมากที่วิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ ยังไปไม่ถึง
--------------
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าโลกกลม ในขณะที่คนทั่วโลกเวลานั้นเชื่อว่าโลกแบน และพึ่งมาค้นพบว่าโลกกลมจริงภายหลังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตั้งสองพันกว่าปี เป็นข้อพิสูจน์ว่า... พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งทุกสรรพสิ่ง และมีความรู้อีกมากที่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง จึงอย่าพึ่งปักใจในความรู้หยาบที่เป็นเพียงเรื่องของวัตถุ เผื่อใจไว้รับรู้อย่างอื่นบ้าง และอย่าพึ่งค้านอะไร หากยังไม่ได้ศึกษา ปฏิบัติให้ละเอียดจริง เหมือนคนไม่เชื่อว่าผีมีจริง คุณจะไม่ผิดเลยถ้าได้ลองศึกษาจนแตกฉาน และปฏิบัติเจริญสติจนแยกจิตกับกายได้จริง หรือได้จุดหนึ่งในระดับที่ดีพอก่อน ไม่ใช่ไม่ทำอะไร แล้วอ้างว่าถ้ามีจริงทำไมฉันไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ มันเหมือนคนบ้า ที่ปิดโทรทัศน์ แล้วแหกปากร้องว่า ไม่เห็นมีรายการทีวีอะไรดูเลย ถ้ามีจริง ต้องปรากฎภาพมาให้เห็นซิ เรื่องภพภูมิ กลับชาติมาเกิด ฝรั่งเขาก็ศึกษากันเยอะมากจนเป็นสารคดีระดับโลก เช่น การระลึกชาติ ทั้งการเก็บประวัติทั่วโลก เดินทางไปพิสูจน์ด้วยนักวิทยาศาสตร์จนยอมรับว่าน่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งการสะกดจิตระลึกชาติ แล้วจำเหตุการณ์สมัยก่อนได้ เล่นดนตรีได้ทั้งที่ไม่เคยฝึกมาก่อน ยังมีผีมาเข้าฝันว่าศพอยู่ที่ไหนเป็นข่าวหน้าหนึ่งประจำ ทั้งมาเข้าฝัน เคาะห้อง หรือผีเด็กบางทียังร้องให้ได้ยิน จนจับผู้ร้ายได้ จนหลอนทั้งโรงพักก็มีมาแล้ว
--------------
ซึ่งต้องเข้าใจว่า ผีมีหลายแบบ และไม่ใช่ต้องทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือนกัน มันมีปัจจัยเพื่อการปรากฎตัวให้เห็น ให้ได้ยิน ที่ต้องสอดคล้องพอดี และไม่ได้พบเจอหรือปรากฎให้เห็นกันได้ง่าย ๆ จริงๆ ถ้าศึกษาปฏิบัติถึงจุดหนึ่งที่มากพอ จะเข้าใจเองว่ามีจริงหรือไม่ โดยไม่ต้องได้พบของจริงเลยนะครับ เพราะความเข้าใจธรรมะในระดับลึกพอ จะทำให้เห็นตามจริงได้ง่ายถึงเรื่องต่างมิติ ทั้งความบริสุทธิ์ของจิตที่จะรู้เองว่า พระพุทธเจ้าและพระเกจิอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีต่างๆ ท่านไม่โกหกเราแน่ ไม่มีทางแต่งเรื่องมาหลอกให้คนทำความดีอย่างที่เข้าใจกัน รวมถึงจิตที่ผ่องใสเข้าถึงพลังของจิตอย่างแท้จริง จะรู้เห็นอะไรเหนือสัมผัสหยาบได้อีกมาก จนเห็นได้ชัดว่าตายแล้วต้องเกิดอีกหรือไม่ ภพชาติมีจริงหรือไม่ เป็นการรู้เห็นจากใจตนเอง ที่ต้องศึกษาปฏิบัติ ไม่ใช่เอาแต่อยู่เฉยๆ แล้วปักใจในการสัมผัสหยาบของตัวเอง เชื่อมั่นในตำราที่ยังไม่ถึงที่สุดของความจริง แล้วก็ยืนยันว่าผีไม่มีจริง เพราะถ้ามีจริง ฉันต้องเห็น ต้องจับต้องได้ แบบนี้เขาไม่เรียกนักวิทยาศาสตร์ เพราะนักวิทยาศาตร์ของจริง จะไม่ปฏิเสธอะไรว่าไม่มี หากยังไม่ได้พิสูจน์ และศึกษาอย่างแท้จริง เขาจะแค่บอกว่า .... มันยังพิสูจน์ไม่ได้เท่านั้น
--------------
น่าเห็นใจสำหรับคนบางกลุ่มเพราะการสอนศาสนาส่วนหนึ่งที่คนทั่วไปเจอ เน้นสอนในเชิงศรัทธา ให้เชื่อไว้ก่อน หรือปฏิบัติไปก่อนเดี๋ยวรู้เอง ซึ่งถ้าทนปฏิบัติจริงจังก็จะรู้เอง แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีความเพียรขนาดนั้นหรอกครับ การสอนศาสนา โดยขาดการอธิบายแบบเป็นเหตุเป็นผลที่น่าเชื่อถือพอ การไม่แตกฉานพอจะอธิบายให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้จริง แม้จะเล่าเรื่องภพภูมิให้ฟัง ก็กลายเป็นฟังแล้วดูงมงายหนักเข้าไปอีก ซึ่งจุดสำคัญของศาสนาไม่ใช่เรื่อง ผี เทวดา ภพภูมิ นรกสวรรค์แต่อย่างใด เป็นเพียงส่วนประกอบย่อยเท่านั้น หลักสำคัญคือ การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน การเจริญสติจนเห็นจิตไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน ไม่ใช่เรา ต่างหาก ซึ่งจุดสำคัญนี้กลับเป็นสิ่งที่สอนกันน้อยกว่าการทำสมาธิ บังคับให้จิตสงบ หรือเรื่องทำดีขึ้นสวรรค์ ทำชั่วตกนรก ซึ่งจำเป็นต้องสอน แต่ต้องการคนที่แตกฉานอธิบายได้ละเอียดพอด้วย ถ้าไม่สามารถทำให้คนเชื่อเข้าใจได้ถูกต้องจริง จะส่งผลเสียหายกลายเป็นการงมงายในเรื่องต่างมิติอย่างที่เห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน
--------------
สรุปไม่ว่าการเข้าใจทางโลกหรือทางธรรม ควรศึกษาให้เข้าใจเบื้องต้นถึงเรื่อง.. ทุกสิ่งเกิดจากวิญญาณ และปฏิบัติให้เกิดสภาวะผู้รู้ตื่น เห็นจิตและกายทำงานเป็นต่างหากให้ได้ก่อน จึงจะประกันเบื้องต้นได้ว่า สิ่งที่ท่านรู้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตรงทาง ถ้ายังไม่ถึงจุดนี้ ก็เผื่อใจไว้รับรู้ข้อมูลอื่นบ้างนะครับ ไม่อย่างนั้น ความพากเพียรในการปฏิบัติศึกษาอาจเสียเวลาไปฟรีชาติหนึ่ง อย่างน่าเสียดาย สำหรับท่านที่สนใจเรื่องภพภูมิแบบสนุก ไม่งมงาย ก่อศรัทธาทำให้เข้าใจศาสนาได้ดีขึ้น แนะนำให้เปิดใจฟังเรื่อง แว่วเสียงสวรรค์ โดย อ.พร รัตนสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎก ฟังแล้วอย่าพึ่งค้าน ฟังสบาย ๆ ให้จบเรื่องก่อน เรื่องนี้เปลี่ยนชีวิตคนมาหลายคนแล้ว รวมถึงตัวผมด้วยที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชีวิต แต่เปลี่ยนศาสนามานับถือพุทธ และทำให้เข้าใจคำสอนของครูบาอาจารย์รวมถึงพระไตรปิฎกได้ละเอียดขึ้นด้วย ถ้าสนใจก็ลองโหลดมาฟังดูนะครับ
--------------
สำหรับการอ่านหรือฟังพระไตรปิฎก หากฟังแล้วรู้สึกไม่เข้าใจ ทั้งเนื้อหา หรือคำศัพท์ที่ไม่คุ้นชิน ขอให้ฟังผ่านไปก่อน อย่าสงสัย อย่าติดใจ เพราะจิตที่สงสัย พยายามจะเข้าใจให้กระจ่างในขณะที่ยังไม่พร้อมจริง จะเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และติดอยู่แค่ตรงนั้น สมองไม่สามารถรับรู้ข้อมูลอื่นต่อได้อีก หรือได้ไม่ดีเท่าที่ควร การฟังคร่าวๆ จับแค่ภาพรวมของทั้งเนื้อหาทั้งหมด ฟังหรืออ่านสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ถึงจุดหนึ่ง จะเข้าใจหลายเรื่องไปเองโดยที่แม้บางคำจะไม่รู้คำแปลด้วยซ้ำ จิตมนุษย์มีพลังมาก หากปราศจากโมหะ ความเครียด แรงกดดัน จิตสว่างใสสงบเย็น จะสามารถซึมซับรับรู้และมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม จะเข้าใจเนื้อหาได้ถึงแก่นได้ง่าย และลึกซึ้ง การอ่านหรือฟังอะไรก็ตาม ควรให้สมองและจิตได้พักด้วย ไม่ควรฟังต่อเนื่องยาวนานเกินไป ต้องมีการพัก เปลี่ยนอิริยาบถ หรือปล่อยให้สมองและจิตว่างเป็นระยะด้วย อย่างกรณีการเรียนหนังสือ อ่านหนังสือสอบ งานวิจัยระบุว่าควรพักทุก 45 นาที ด้วยการฟังเพลง เปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นสาย ร้องเพลง หรือทำสมาธิ ซึ่งโรงเรียนทางเลือกบางแห่งก็นำมาปรับใช้กับการเรียนจนได้ผลดีอย่างมาก ทั้งด้านพฤติกรรม นิสัย ความจำ การเรียนรู้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
--------------
การได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และคงคำสอนถูกต้อง เป็นโอกาสทอง ที่หาได้ยากยิ่งในสังสารวัฎ ทุกท่านที่กำลังฟังเสียงอ่านขณะนี้ นับเป็นบุคคลผู้ประเสริฐ ที่มีโอกาสอันดีกว่าคนอีกหลายล้านคน รวมถึงภพภูมิอื่นที่กำลังเวียนว่ายตายเกิดอีกจำนวนมากนับประมาณไม่ได้ การรีบขวนขวายศึกษาคัมภีร์สูงสุดในพระพุทธศาสนา เป็นมงคลยิ่ง เป็นบุญใหญ่ติดตัวไปอีกหลายภพชาติ บุญมหาศาลไม่ต้องเสียเวลาเหนื่อยยาก ไม่เสียเงิน ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องทรมานกาย การเข้าใจธรรมแม้ในระดับเริ่มต้น มีค่าได้บุญมากกว่า การบวชถึงร้อยปี แต่ไม่ได้เข้าใจธรรมแท้ได้จริงเลย การสืบทอดพระศาสนาที่ดีที่สุด ไม่ใช่ฝากความหวังไว้กับพระหรือหน่วยงานทางศาสนา แต่คือการขวนขวายศึกษาธรรมะแท้จนเข้าใจได้จริงด้วยตัวเองก่อนต่างหาก
--------------
การปฏิบัติธรรมที่แท้ ควรเริ่มจากการฟังหลักการที่ถูกต้องก่อนลงมือปฏิบัติ การบรรลุธรรมที่เกิดในสมัยพุทธกาล จำนวนมากเกิดจากการแค่ฟังธรรม พิจารณาตาม แล้วจิตเห็นตามจริงอย่างลึกซึ้ง จึงบรรลุธรรม การทำสมาธิไม่ใช่การบังคับจิตให้หยุดคิด แต่คือการหาอะไรมาให้จิตมีที่เกาะ กรรมฐานหลายกอง คือการนำสิ่งต่างๆ มาคิดระลึกถึง จนจิตเกิดกุศล จิตเป็นสุขจึงเกิดเป็นสัมมาสมาธิ แต่การพยายามบังคับห้ามจิต กดข่มจิตให้นิ่ง นั่นคือมิจฉาสมาธิ ทีส่งผลเสียในระยะยาว แต่กลับถูกสอนและบังคับให้ทำกันทั่วประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลเสียหายหนักให้คนรุ่นใหม่มองการปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งน่าเบื่อ ทำตามได้ยาก ไกลตัวและไม่อยากสนใจ หรือแม้สนใจ ก็ปฏิบัติผิดมาตลอดจนแก้ไขได้ยาก และขัดขวางการบรรลุธรรมที่ต้องเห็นความจริงว่า... จิตเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ หลายคนรับรู้ว่าสมาธิคือความสุข เป็นบุญใหญ่ ต่างพยายามเหน็ดเหนื่อยทำมานานท่ามกลางความเคร่งเครียด ทรมาน เพราะเริ่มต้นด้วยหลักการและวิธีที่ผิดนั่นเอง
--------------
ถ้าเข้าใจหลักการทำสมาธิ ขณะที่ท่านรับฟังเสียงอ่านพระไตรปิฎก หากจิตแน่นิ่งอยู่กับเนื้อหา นี่คือการทำสมาธิที่ดีเยี่ยมมาก ถ้าฟังแล้วจิตสงบ เห็นด้วยกับเนื้อหา เข้าใจเนื้อหา เกิดปีติ จิตผ่องใสเป็นกุสล จะได้ทั้งสมาธิและปัญญาไปพร้อมกัน จิตเป็นกุศลจะเข้าใจข้อมูลได้ดีลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะไต่ลำดับไปจนถึงขั้นบรรลุธรรมได้โดยง่าย การบรรลุธรรม คือจิตเห็นตามจริงในความจริงของธรรมชาติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปทรมานกายใจ ลำบากลำบนทำอะไรมากมายอย่างที่เข้าใจกัน เพราะจริตคนต่างกัน
--------------
การฟังธรรมที่ถูกต้องจนเข้าใจ หลุดจากความยึดติดในเบื้องต้น จะเป็นกำลังให้เกิดศรัทธาเหนียวแน่นในการปฏิบัติธรรมในขั้นสูง และต่อยอดให้เดินตรงทางอย่างมั่นคง ไม่เสียเวลา ไม่ต้องเดินอ้อม บรรลุธรรมได้ง่ายกว่า และเพียงการฟังก็สามารถบรรลุธรรมได้จริง ยืนยันด้วยบุคคลหลายท่านในพระไตรปิฎก อย่าหลงเชื่อคำกล่าวที่ว่า คนสมัยพุทธกาลบารมีมากกว่าเรา พวกเราไม่มีทางบรรลุได้หรอก เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสสอนแบบนั้น ท่านตรัสยืนยันว่า หากตั้งใจศึกษาปฏิบัติ เจริญสติต่อเนื่องจริง จะต้องบรรลุธรรมใน 7 วัน 7 เดือน หรืออย่างมาก 7 ปี ซึ่งก่อนลงมือปฏิบัติจริง ควรเริ่มจากศึกษาพระไตรปิฎกก่อน เพราะการันตีความถูกต้องได้แน่นอน
--------------
ทำความเข้าใจก่อนด้วยว่า ภาษาในพระไตรปิฎก เป็นสำนวนแขก แล้วมีการแปลจากบาลีมาเป็นไทย โดยเน้นคงความหมายตามตัวอักษรเดิม เพราะไม่อยากให้การแปลผิดเพี้ยน ซึ่งส่งผลให้อ่านเข้าใจยากมากสำหรับคนทั่วไป สำหรับหน่วยวัดต่างๆ ท่านแปลมาตามสำนวนแขก เช่น 500 ชาติ ไม่ได้หมายถึงมี 500 ชาติพอดี แต่เป็นสำนวนแขกที่หมายถึงยาวนานมาก เหมือนเวลาเราเรียกโจร 500 ไม่ได้หมายถึงว่ามีโจรห้าร้อยคนเช่นเดียวกัน สำนวนแขกหลายส่วนที่ทำให้คนไทยและคนรุ่นหลังไม่เข้าใจ พาลมองคัมภีร์เป็นเรื่องแต่ง เกินจริง เกินจะเชื่อ แต่น้อยคนจะเข้าใจว่า มันเป็นแค่สำนวนของต่างชาติ ที่ท่านแปลมาตามตัวหนังสือเท่านั้น จึงควรทำความเข้าใจภาพรวมของเนื้อหา มากกว่าจะมานั่งจับผิดคำแค่บางคำ ที่ติดข้องสงสัยแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร
--------------
กรณีชาดกเรื่องเล่าหลายเรื่อง หลายคนจะค้าน และไม่อยากเชื่อ ในความจริงอยากให้เน้นประเด็นหลักเนื้อเรื่องที่แทรกคุณธรรมมากกว่า เหมือนฟังนิทานอีสป คนโง่เท่านั้นที่จะมานั่งจับผิดว่า มีที่ไหน ช้างม้าพูดได้ แต่คนฉลาดจะเข้าใจได้โดยง่าย ไม่สนใจว่า ทำไมช้างม้าพูดได้ แต่ฟังเรื่องทั้งหมด สรุปความ แล้วจับประเด็นว่า ใครทำอะไร ได้ผลอย่างไร เป็นบทเรียนให้คนอื่นและเราทำตามได้อย่างไร ในเรื่องเล่าจำนวนมาก มีการเล่าด้วยชื่อเมืองเดิม ชื่อคนเดิมๆ ก็เพื่อความเข้าใจของคนในสมัยนั้น ลองคิดดูว่า ถ้าใช้ชื่อเมืองจริงในอดีต ใช้ชื่อคนในภาษาที่ไม่รู้จัก คนฟังในยุคนั้นจะ งง แค่ไหน แต่พอเล่าสิ่งหลักๆ ที่เขารู้จัก จิตก็น้อมตามคิดถึงภาพได้ง่าย ได้ชัด แล้วจับประเด็นเนื้อเรื่องว่าทำอะไร ได้ผลอะไร
--------------
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ถ้าเราเชื่อว่า มีการเวียนว่ายตายเกิดกันหลายแสนล้านชาติจนประมาณไม่ได้ การเล่าถึงสิ่งมหัศจรรย์ อาจไม่ได้หมายถึงสิ่งที่มหัศจรรย์เกินมนุษย์ เหนือธรรมชาติ แต่อาจเป็นวิวัฒนาการสมัยนั้นที่ล้ำหน้ากว่าสมัยนี้ หรือพอ ๆ กับสมัยนี้ ยกตัวอย่างถ้าท่านกำหนดจิตด้วยกำลังแห่งญาณสมาบัติ มาเห็นภาพในปัจจุบัน มีคนขึ้นเครื่องบิน คนคุยโทรศัพท์ มีภาพในโทรทัศน์ มีรถยนต์วิ่งสะดวก ท่านจะไปเล่าให้คนในยุคพุทธกาลฟังอย่างไร ถ้าเล่าตรงความจริง คนก็จะยิ่ง งง นึกภาพไม่ออก สุดท้ายจิตสงสัยแต่สิ่งที่ไม่ควรสงสัยที่เป็นแค่เปลือกของเรื่อง เลยไม่ยอมสนใจประเด็นหลักที่ต้องการเล่าเป็นบทเรียนให้ฟังว่าทำสิ่งนี้จึงได้สิ่งนี้ ท่านจึงต้องเอาสิ่งใกล้ตัวมาแทนสิ่งที่เป็นจริง ทั้งชื่อเมือง ชื่อคน สัตว์พูดได้ และลักษณะพิศดารต่างๆ ที่อาจดูเหนือมนุษย์เกินจะยอมรับให้เชื่อตามได้
--------------
ถึงได้แนะนำไว้แต่แรกนะครับว่า การฟังอะไรก็ตาม ควรฟังจับเอาใจความสำคัญ ฟังสบาย ๆ อย่าพึ่งด่วนพยายามจะเข้าใจ ทิ้งประเด็นย่อย หรือสิ่งไม่ใช่สาระในเนื้อหาออกไปก่อน ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์จากเนื้อหาและเข้าใจง่ายขึ้น หลักการนี้ใช้ได้ทั้งการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ที่ดีต่อการเรียนรู้ในทุกด้าน สำหรับธรรมะ เชื่อไหมครับว่า แค่อดทนฟังไปด้วยใจที่สบาย ไม่เคร่งเครียด ฟังซ้ำไปมา ฟังเป็นประจำในเวลาที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป ฟังไปเรื่อยๆ ทั้งที่ตอนแรกฟังไม่รู้เรื่อง แต่อดทนฟังไป วันหนึ่งคุณจะตกใจและพบว่า อยู่ดีๆ เกิดเข้าใจเนื้อหาขึ้นมาเอง และเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปตามลำดับอย่างไม่น่าเชื่อ
--------------
การฟังทำให้เกิดปัญญา และต้องฟังอย่างถูกหลัก ด้วยการไม่กดดันตัวเอง และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ด้วยร่างกายที่ผ่อนคลายพร้อมจะรับข้อมูลด้วยนะครับ ฝากอีกนิดว่า อย่าเผลอโปรแกรมจิตด้วยข้อมูลที่ทำร้ายตัวเองว่า... เราบารมีน้อย เราไม่มีโอกาสบรรลุธรรม ยุคนี้ไม่มีคนบรรลุธรรมแล้ว เพราะนั่นจะทำให้คุณไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ซึ่งอาจติดไปถึงชาติหน้าที่จะคงความคิดนี้ไม่ยอมเปลี่ยน ตั้งใจ มั่นใจ อดทน พากเพียร เพราะแค่การฟังก็ทำให้บรรลุธรรมได้โดยง่าย มีตัวอย่างมากมายตั้งแต่สมัยพุทธกาล หากฟังแล้วยังไม่บรรลุ ก็เป็นเหตุใกล้ให้บรรลุได้ง่ายต่อไปในเร็ววัน และเป็นหลักชัย เส้นทาง จุดหมายที่ถูกต้อง เป็นหลักเพื่อการปฏิบัติที่ไม่ต้องทรมานกาย เสียเวลา หรือพลั้งพลาดลงต่ำไปอย่างที่ยากจะถอนคืนกลับมาได้
--------------
อย่าลืมว่า.. ทาน ศีล ภาวนา ทุกอย่างเป็นบันไดซึ่งกัน ที่จะส่งเสริมให้เข้าใจธรรมได้ดีมากขึ้น ขอทุกท่านฟังธรรมด้วยจิตผ่องใส บรรลุธรรม พ้นทุกข์กันในชาตินี้ หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ โอกาสดีที่เป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา และคงคำสอนถูกต้อง หาได้ไม่ง่ายนัก ทุกท่านได้รับโอกาสทองนี้แล้ว ควรรีบขวนขวายเพื่อไม่ต้องกลับมาเจอทุกข์แสนสาหัส จากการเวียนว่ายตายเกิดกันอีกต่อไปเลย ฟังธรรมะที่ถูกต้องเป็นประจำ จิตจะเป็นกุศล แรงกุศลจะส่งสิ่งดี ๆ คนๆ เข้ามาในชีวิต นำพามาซึ่งความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม คลายทุกข์ เพิ่มสุขได้จริง
--------------
ขอประชาสัมพันธ์ทิ้งท้าย : หลังทำพระไตรปิฎกฉบับประชาชนเสร็จ จะเริ่มอัดพระไตรปิฎกฉบับเต็ม ซึ่งอาจใช้เวลามากกว่า 2 ปี เพราะมีภาระการงานที่รับผิดชอบหลายด้าน การสร้างพระไตรปิฎกเป็นบุญใหญ่ อานิสงส์สูงที่สุดในด้านธรรมทาน บุญใหญ่มหาศาลอันประมาณมิได้ มีประโยชน์ในการสืบทอดพระศาสนาไปอีกยาวนาน ด้วยรูปแบบการเข้าถึงคนทุกวัยในวงกว้างได้จริง บุญใหญ่มากไม่อยากเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้คนที่ผมรักและรักผม พลาดโอกาสนี้ จึงตั้งเป็นโครงการให้ทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพจัดสร้างพระไตรปิฎกเสียงอ่านชุดนี้ เพื่อเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต และทำแผ่นส่งถวายวัด หน่วยงาน และบุคคลต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป ติดตามรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก โจโฉ เสียงธรรม หรือที่เว็บ www.jozho.net ขอทุกท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งขึ้นไปนะครับ : สัพพะธานัง ธรรมะทานังชินาติ การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง
-----------
.
รายละเอียดโครงการจัดทำเสียงอ่านพระไตรปิฎก
http://www.jozho.net/index.php?mo=3&art=42312779
.
.
.
![]() |
![]() |
|